วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ความเจริญของอารยธรรมชนเผ่าเซมิติค



กลุ่มอารยธรรมชนเผ่าเซมิติค  ที่เข้ามาสร้างความเจริญในบริเวณดินแดนเมโสโปเตเมียที่สำคัญ  ได้แก่
         1.ชาวอัคคาเดียน   เป็นพวกเร่ร่อนเผ่าเซมิติคพวกแรกที่เข้ามาในเขตเมโสโปเตเมีย  เมื่อประมาณ 2400  ปีก่อนคริสต์ศักราช  ภายใต้การนำของพระเจ้าซาร์กอนที่ 1 (Sargon)  โดยเข้ายกทัพเข้ารุกรานและยึดครองนครรัฐทั้งหลายของชาวสุเมเรียนและขยายดินแดนไปจนถึงฝั่งตะวันออกของทะเลเมติเตอร์เรเนียน  ชาวอัคคาเดียนได้สถาปนาจักวรรดิอัลคาเดียนขึ้น  ซึ่งนับได้ว่าเป็นจักวรรดิแห่งแรกของโลกที่ปรากฏในประวัติศาสตร์และนับเป็นพื้นฐานในการตั้งจักวรรดิของมนุษย์ในยุคต่อมา  แต่จักวรรดิดังกล่าวนี้ดำรงอยู่ในชั่วระยะเวลาหนึ่ง  หลังสิ้นรัชกาลพระเจ้าชาร์กอนที่ 1  แล้ว  ชาวสุเมเรียนก้ยึดดินแดนคืนมาได้
               2.ชาวอมอไรต์   เป็นชนเผ่าเซมิติคอีกพวกหนึ่งที่อพยพมาจากทะเลทรายอาราเบีย  โดยได้ยกกำลังเข้ายึดครองนครรัฐของชาวสุเมเรียนและขยายดินแดนออกไปอย่างกว้างขวางเมื่อประมาณ 1750 ก่อนคริสตกาล  โดยมีผู้นำที่เข้มแข็งทรงพระนามว่า  ฮัมมูราบี  (Hammurabi)  ซึ่งต่อมาได้สถาปนาจักวรรดิบาบิโรเนียขึ้น  โดยมีนครบาบิโลน  (Babylon)  เป็นศูนย์กลางของจักวรรดิ
                จักพรรดิฮัมมูราบีทรงเป็นนักปกครองและนักบริหารที่ยอดเยี่ยมได้ทรงคิดค้นเครื่องมือที่จะช่วยสร้างความเป็นระเบียบและความยุติธรรมให้แก่ดินแดนทั่วทั้งจักวรรดิ  เครื่องมือดังกล่าวนั้น  คือกฏหมายที่เขียนเป็นลายลักอักษร  วึ่งประมวลขึ้นจากจารีตประเพณีของพวกสุเมเรียนเดิมตลอดจนธรรมเนียมปฏิบัติของชนเผ่าเซมิติค  เรียกว่า  ประมวลกฏหมายฮัมบูราบี  (the Code of Hammurabi)  มีข้อบัญญัติต่างๆ  รวมทั้งสิ้นเกือบ  300  ข้อ   จารึกอยู่บนแท่งหินสีดำสูงประมาณ 8 ฟุต  จารึกด้วยตัวอักษรคิวนิฟอร์ม  ประมวลกฏหมายนี้ใช้หลักความคิดแบบแก้แค้นและตอบโต้อย่างตรงไปตรงมาที่เรียกว่า  "ตาต่อตาฟันต่อฟัน"  นอกจากนี้ยังว่าด้วยเรื่องต่างๆ  ในการปฏิบัติต่อกันของคนในสังคม  เช่น  เรื่องการค้าขายและประกอบอาชีพ  เรื่องทรัพย์สินที่ดิน  เรื่องการกินอยู่ระหว่างสามีภรรยาและการหย่าร้าง  เป็นต้น  ประมวลกฏหมายฉบับนี้นับว่าเป็นหลักฐานทางวัฒนธรรมของมนุษย์ในความพยายามที่จะจัดระเบียบภายในสังคมที่มีคนเข้ามาอยู่รวมกันแล้ว  นำระเบียบดังกล่าวเขียนลงไว้อย่างชัดเจน  ประมวลกฏหมายฮัมมูราบีจึงเป็นประมวลกฏหมายที่เก่าแก่ที่สุดซึ่งเหลือตกค้างมาจนถึงสมัยปัจจุบัน
จารึกประมวลกฏหมายฮัมมูราบี
                  จักวรรดิบาบิโลเนียนได้เจริญรุ่งเรืองอย่างมากในสมัยจักวรรดิฮัมมูราบี  แต่หลังสมัยของพระองค์อาณาจักรที่เป็นปึกแผ่นอยู่เป็นเวลาเกือบหกร้อยปีค่อยๆเสื่อมลงจนในที่สุดถูกพวกชาวแคสไซต์ (Kassites)  เข้ามายึดครอง  ชาวแคสไซต์เป็นพวกอารยชนซึ่งไม่มีความสนใจในวัฒธรรมใดๆทั้งสิ้น  วัฒนธรรมเก่าแก่ของดินแดนแถบนี้เกือบจะต้องสลายไปอย่างสิ้นเชิง  ถ้าไม่มีชนเผ่าเซมิติคอีกพวกหนึ่งที่ตั้งถิ่นฐานในบริเวณภาคเหนือบนลุ่มแม่น้ำไทกริส  และชนกลุ่มนี้ได้มีการขยายอิทธิพลเรื่อยๆ  จนสามารถพิชิตพวกแคสไซต์ได้  ชนเผ่าเซมิติคดังกล่าวนี้คือชาวอัสซีเรียน
  3.ชาวอัสซีเรียน   เป็นชนเผ่าเซเมติคอีกพวหนึ่งในระยะแรกได้เริ่มตั้งถิ่นฐานและสร้างสรรค์อารยธรรมในบริเวณภาคเหนือของลุ่มแม่น้ำไทกริส  ประมาณ 1300 ปี  ก่อนคริสตกาล  ชาวอัสซีเรียนเริ่มทำการชยายอาณาเขต  และในไม่ช้าก็มีอำนาจครอบคลุมทางเหนือของหุบเขาทั้งหมด  ในศตวรรษที่ 10 ก่อนคริสตกาล  ชาวอัสซีเรียนได้โค่นอำนาจของพวกแคสไซต์ลงได้และสถาปนาจักวรรดิอัสซีเรียขึ้น  ชาวอัสซีเรียนได้ขึ้นชื่อว่า  เป็นพวกที่มีชื่อเสียงในความเก่งกล้าสามารถในการรบและความดึร้าย  ทำให้สามารถแผ่ขยายจักวรรดิออกไปอย่างกว้างขวางนับเป็นจักวรรดิแห่งแรกที่เจริญขึ้นในยุคเหล็ก  โดยได้ทิ้งินุสรณ์แห่งความโหดร้าย  ทารุณและความยิ่งใหญ่ไว้ในภาพแกะสลักนูนต่ำอันเป็นศิลปะวัตถุที่ยังคงอยู่มาจนถึงวันนี้  ซึ่งจักพรรดิที่ทรงอนุภาพคือ  แอสซูร์บานิปาล  ได้โปรดให้รวบรวมแผ่นดินเผาซึ่งบรรจุข้อเขียนด้วยตัวอักษรคิวนิฟอร์มไว้ในหอสมุดใหม่ที่กรุงนิเนอเวร์  ซึ่งเป็นศูนย์กลางของจักวรรดิ
           4.ชาวคาลเดียน  เป็นชนเผ่าเซมิติคสาขาหนึ่งที่พิชิตจักรวรรดิอัสซีเรียได้สำเร็จ  และได้สถาปนานครบาบิโลนขึ้นเป็นเมืองหลวงอีกครั้งหนึ่ง  ชาวคาลเดียนได้เรียกชื่อจักรวรรดิใหม่นี้ว่า  บาบิโลนเนียใหม่
              ชาวคาลเดียนมีความเชื่อว่า  แต่เดิมดาวเคราะห์มีเพียง 5 ดวง  ได้แก่ ดาวพุทธ ดาวศุกร์  ดาวอังคาร  ดาวพฤหัสและดาวเสาร์  ซึ่งถือว่าเป็นพลังอันศักดิ์สิทธิ์ของมนุษย์  เมื่อรวมกับดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เป็น 7 ดวง  ก็จะเป็นเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ 7 องค์  ซึ่งวิชาการด้านดาราศาสตร์ของชาวคาลเดียนได้แพร่ไปยังชาวตะวันตกในเวลาต่อมา  ดังจะเห็นได้จากการตั้งชื่อวันก็ตั้งตามชื่อของดวงดาวบนท้องฟ้า  นอกจากนี้ชาวคาลเดียนสามารถหาเวลาที่ดวงจันทร์หมุนรอบโลกเวลาเกิดสุริยุปราคาและจันทรุปราคา  รวมทั้งคำนวณความยาวของปีทั้งหมดได้อย่างแม่นยำ  ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ของกรีกได้นำผลงานของชาวคาลเดียนมาใช้ในภายหลัง

          ในยุคอารยธรรมของจักพรรดิเนบูคัดเนสซาร์ทรงครองราชย์อยู่ระหว่างปี 604-561  ก่อนคริสตกาล  พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่ชอบความหรูหราฟุ่มเฟื่อยโปรดให้ฟื้นฟูบูรณะนครบาบิโลนขึ้นใหม่  และตกแต่งระเบียบพระราชวังด้วยการปลูกต้นไม้ขึ้น  เพื่อให้คลุมหลังคาพระราชวังอย่างหนาแน่น  หลังคาที่ปลูกต้นไม้นี้เรียกว่า  สวนลอยแห่งบาบิโลน  วึ่งชาวกรีกนับเป็นสิ่งมหัสจรรย์ 1 ใน 7 ของโลกที่มีผู้กล่าวถึงในยุคปัจจุบัน

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.